แพ้อากาศ ต่างจากโรคไข้หวัดอย่างไร
คนส่วนใหญ่มักคิดว่าหวัดและแพ้อากาศเป็นโรคเดียวกัน เพราะอาการของทั้งสองโรคนี้มีบางส่วนที่คล้ายคลึงกัน แต่แตกต่างกันที่สาเหตุของโรคและวิธีการรักษา หากผู้ป่วยแพ้อากาศเข้าใจว่าตัวเองเป็นหวัดและปฏิบัติตัวไม่ถูก อาการของโรคก็จะไม่ดีขึ้น เหมือนแก้ไขไม่ถูกจุด ไม่ถูกสาเหตุนั้นเอง
ความแตกต่างระหว่าง ไข้หวัด กับแพ้อากาศ
โรคหวัดเกิดจากการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยจะมีอาการจาม น้ำมูกไหล คัดจมูก ไอ เป็นต้น อาจมีอาการเจ็บคอ เป็นไข้ มีเสมหะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหัว เพลีย เป็นต้น และจะหายเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งการรักษามักให้การรักษาตามอาการ และควรพักผ่อนให้มากๆ
โรคแพ้อากาศเกิดจากอาการอักเสบเนื่องจากอาการแพ้บริเวณโพรงจมูก ที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ นอกจากอาการบวม น้ำมูกใสไหลเหมือนน้ำ จากติดต่อกัน คัดจมูกแล้วยังคันบริเวณตา จมูก และลำคออีกด้วย เสียงอู้อี้ และอาจมีอาการปวดหัว หากอาการกำเริบจะกินเวลาไม่นาน แต่อาการจะกำเริบได้หลายครั้งในแต่ละวัน โดยเฉพาะช่วงเช้าและค่ำที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง และเป็นโรคเรื้อรัง และเน้นที่การหาสาเหตุและกำจัดต้นเหตุของอาการภูมิแพ้ การรักษาจะให้ยาแก้แพ้อากาศด้วยการทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ หลีกเลี่ยงฝุ่น ไรฝุ่น เชื้อรา เกสร ขนสัตว์ ที่อาจก่อให้เกิดภูมิแพ้
จะเห็นว่าหวัดกับภูมิแพ้มีอาการและวิธีการรักษาแตกต่างกันชัดเจน ซึ่งหากรักษาให้ถูกจุดก็จะยิ่งช่วยให้อาการหายได้เร็วยิ่งขึ้น
ดูแลตัวเองยังไงให้หายจาก “ภูมิแพ้อากาศ”
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมกลิ่นแรงๆ ควันบุหรี่ ควันธูป ควันรถ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการภูมิแพ้หนักขึ้น รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการเผชิญการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและความชื้นเฉียบพลัน อย่างเช่น หลังจากเดินตากแดดร้อนๆ มา ควรยืนในที่ร่มเพื่อให้ร่างกายได้ปรับอุณหภูมิก่อน จึงค่อยเดินเข้าห้องแอร์ที่มีอุณหภูมิต่ำมากๆ
- ทำความสะอาดบ้าน สำหรับผู้ป่วยภูมิแพ้ที่ไวต่อฝุ่นละอองต่างๆ การทำความสะอาดบ้านทั้งด้านในและด้านนอก โดยเฉพาะห้องนอนถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง รวมไปถึงการแต่งบ้านให้มีของใช้น้อยๆ เพื่อลดการกักเก็บฝุ่น ตลอดจนการเปิดกระจก หรือผ้าม่าน เพื่อให้อากาศสามารถถ่ายเทได้ดี
- ออกกำลังกาย เรารู้กันดีกว่าการออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้มากมาย รวมถึง “โรคภูมิแพ้” เพราะการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้อาการภูมิแพ้อากาศค่อยๆ หายไป
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับพักผ่อน คือการที่ร่างกายได้ชาร์จแบตหลังถูกใช้งานมาตลอดทั้งวัน
- ทานอาหารดีมีประโยชน์ แน่นอนว่าหลักในการดูแลรักษาสุขภาพที่ถูกต้อง “อาหาร” ถือเป็นอีกหัวใจสำคัญ การทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน ผัก และผลไม้ จึงเป็นเหมือนอาหารเสริมที่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะสำหรับผู้ป่วยภูมิแพ้อากาศ การเข้าพบแพทย์เฉพาะทางเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะการซื้อยามาทานเองอาจเป็นอันตรายต่อเยื่อจมูกได้ ทางที่ดีควรให้แพทย์วินิจฉัยและจ่ายยาให้ตามลักษณะอาการของบุคคล